คอลัมน์: มอง ดู พบ เห็น
เปิดสัปดาห์มาก็สู้กันดุเดือดจริงๆ…
สำหรับตลาดหม้อร้อนเมื่อสุกี้แบรนด์ดังที่ครองใจครองตลาดมานาน พิสูจน์ได้จากวลีติดหู “กินอะไร กินอะไร ไปกิน….” ที่คุ้นกันมาตั้งรุ่นพ่อแม่ได้ประกาศแคมเปญโปรโมชั่นหั่นราคา “อิ่มไม่อั้น 299” เพื่อให้ผู้บริโภครู้สึกคุ้มค่า เอื้อมถึงความพรีเมียมได้ จากจุดแข็งภาพลักษณ์ลักชูกว่าคู่แข่งทั่วไปในท้องตลาดอยู่แล้ว
ไม่ทันไรผู้มาทีหลังแต่ได้ใจมหาชนคนรากหญ้า ซึ่งหลายปีที่ผ่านมาตีตลาดแตกกระจายทำเอาสมรภูมินี้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปก็แก้เกมกลับแสบสุดฤทธิ์ หั่นมาหั่นกลับไม่โกง ประกาศฉลองผู้ติดตามครบ 1 ล้าน ลดราคาที่เดิมก็ถูกแสนถูกอยู่แล้วลงมาเหลือ 2 แบงค์แดงมีทอน (ไม่รวม VAT และเครื่องดื่ม)
กลายเป็นกระแสไวรัลว่อนไปทั่ว Social Media ถึงการเล่น “สงครามราคา” ของ 2 เจ้าใหญ่ ที่ดูเหมือนเบื้องต้นผู้บริโภคน่าจะได้ประโยชน์
เพราะเดือนนี้ก็กินสุกี้วนกันไป
หากมองระยะยาวการห้ำหั่นกันด้วยราคา นอกจากจะไม่เป็นผลดีต่อธุรกิจ เพราะมาร์จิ้นจะยิ่งบางเฉียบเข้าไปอีก
แต่ละผู้เล่นจะมีสายป่านยาวแค่ไหนที่จะประคองให้ธุรกิจของตนไปรอดได้อย่างยั่งยืน เมื่อทำราคาตลาดเสียไปขนาดนี้แล้ว เมื่อจะสู้กันแบบนี้ก็ต้องไปบริหารต้นทุนด้านอื่น แน่นอนจะส่งผลต่อผู้บริโภคระยะยาว เพราะมีโอกาสที่จะได้รับสินค้าและบริการที่คุณภาพลดลง
เห็นเรื่องนี้แล้วก็นึกถึงอีกธุรกิจที่เหมือนมีความพยายามจะสู้ด้วยสงครามราคามาสักระยะแล้ว นั่นคือ “ร้านสะดวกซื้อ” ที่หลังๆ มาจะเริ่มเห็นความพยายามสร้างคอนเทนต์เปรียบเทียบราคาว่าของตนถูกกว่าอีกเจ้า
แต่น่าสังเกตคือส่วนใหญ่คอนเทนต์ประเภทนี้มักอยู่ใน Social Media แบบพยายามให้เป็น User Generated Content เน้นสร้างกระแสใต้ดิน Fact ไม่เช็ค ที่มาไม่มี User เป็นใครก็ไม่รู้ แบรนด์ก็ไม่ยักไฮไลต์ขึ้นมาเป็นแคมเปญโปรโมชั่นทางการแบบประกาศให้โลกรู้อย่างไม่อายใคร
ขุดไปให้ลึกเลยพบว่าที่จริงแล้วที่ว่าถูกกว่า ถูกมาก โดยเฉพาะสินค้าอุปโภคบริโภค ของกินของใช้ที่ต้องซื้อหากันประจำ หลายอย่างไม่ได้เปรียบเทียบสินค้าแบรนด์เดียวกัน อาศัยแค่เป็นสินค้าเดียวกัน บรรจุภัณฑ์ใกล้เคียง แต่คนละยี่ห้อ ชนิดที่มองผ่านๆ ไวๆ ก็อาจจะพลาดได้
อย่างนี้เรียกว่า “ตบตาผู้บริโภค” หรือไม่?
บรรยากาศเศรษฐกิจแบบนี้ ทุกคนมีสิทธิเลือกซื้อ เลือกกิน เลือกใช้ ในสิ่งที่ตนพอใจ ในราคาที่เหมาะกับเงินในกระเป๋า แต่ต้องไม่เคลมว่า ผงชูรสร้านฉันถูกกว่า น้ำมัน น้ำปลาร้านฉันถูกกว่า เพราะไม่ได้เทียบของแบบเดียวกันเลยด้วยซ้ำ
สินค้าคู่เทียบ หรือเอาให้ดีหน่อยจะเรียกว่าแบรนด์ทางเลือกก็ได้ ชื่อก็บอกแล้วว่าเป็นทางเลือก ราคาต่างกัน ปริมาณ คุณภาพย่อมต่างกันกับแบรนด์เจ้าตลาด
ของถูกไม่มี มีแต่ของคุณภาพตามราคา
ที่สำคัญ จะค้าขายต้องมีจริยธรรมอย่าตบตาลูกค้า ถ้าจะสู้สงครามราคาก็ต้องสู้อย่างสง่าผ่าเผย ไม่ใช่ลักไก่ให้คนเข้าใจผิดไม่พอ ยังใช้ปฏิบัติการ IO ใต้ดินแพร่คอนเทนต์ขยะสู่สังคมอีก
อย่างนี้แล้วจะเหลือตรงไหน ให้คนเขาเชื่อถือ!
หยกดำ ส่องเขียว รายงาน

















