กรุงเทพฯ, 13 พฤศจิกายน 2568 – บริษัท พีเอสจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PSGC (ชื่อย่อหลักทรัพย์ PSG) รายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2568 มีกำไรสุทธิ 187.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 887.9% จากไตรมาสก่อน จากความคืบหน้าของงานก่อสร้ างในโครงการ และทิศทางอัตราแลกเปลี่ยนที่มี เสถียรภาพมากขึ้น พร้อมประกาศเดินหน้ากลยุทธ์ด้ านธุรกิจทรัพยากร หลังคณะกรรมการบริษัทฯ อนุมัติการเข้าลงทุนร้อยละ 64 ใน Nam Tien Limited Liabilities Company เพื่อขยายบทบาทในธุรกิจทรัพยากร โลจิสติกส์ และโครงสร้างพื้นฐานพลั งงานในระดับภูมิภาค
ผลประกอบการไตรมาส 3/2568 เติบโตโดดเด่น
ในไตรมาสที่ 3 ปี 2568 PSGC มีรายได้รวม 773.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.4% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 5.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยได้รับแรงหนุนจากการรับรู้ รายได้โครงการก่อสร้างอย่างต่ อเนื่อง อันเป็นผลจากการเร่งรัดการดำเนิ นโครงการและทิศทางอัตราแลกเปลี่ ยนที่เริ่มมีเสถียรภาพ
สำหรับงวด 9 เดือนแรกของปี บริษัทฯ มีรายได้รวม 2,081.6 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 305.5 ล้านบาท ซึ่งเป็นการปรับฐานจาก ปีก่อนที่มีสัดส่วนรายได้ จากโครงการที่มีอัตรากำไรสูง ทั้งนี้ บริษัทฯ มีมูลค่างานในมือกว่า 3,900 ล้านบาท และคาดว่าจะรับรู้รายได้ ในไตรมาส 4 ของปีนี้ประมาณ 1,000 ล้านบาท
บอร์ดไฟเขียวลงทุนเชิงกลยุทธ์ ในเวียดนาม
ภายหลังความสำเร็ จของโครงการนำร่องด้านเหมื องและทรัพยากรเมื่อต้นปี คณะกรรมการบริษัทฯ เห็นว่าการเข้าซื้อกิจการเชิ งกลยุทธ์เป็นแนวทางที่มีประสิ ทธิภาพสูงและมีความเสี่ยงอยู่ ในระดับที่ควบคุมได้ ในการขยายและเร่งรัดการเข้าสู่ ธุรกิจใหม่ จึงอนุมัติเงินลงทุน 23 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (750.21 ล้านบาท) เพื่อเข้าถือหุ้นร้อยละ 64 ใน Nam Tien โดยตั้งเป้าดำเนินการแล้วเสร็ จภายในไตรมาส 1 ปี 2569 ภายหลังการลงทุน Nam Tien จะถูกรวมงบการเงินเป็นบริษัทย่ อยของ PSGC
Nam Tien ก่อตั้งในปี 2549 ในประเทศเวียดนาม ดำเนินธุรกิจห่วงโซ่อุปทานด้เสริมแกร่งความมั่นคงทางพลั งงานในภูมิภาค
ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยังคงมีความต้องการใช้ไฟฟ้ าในภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นอย่ างต่อเนื่อง ขณะที่การขยายโครงข่ายไฟฟ้ าและสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนยั งไม่เพียงพอที่จะรองรับความต้ องการพลังงานไฟฟ้าฐาน (baseload) ส่งผลให้ถ่านหินยังคงเป็นเชื้ อเพลิงช่วงเปลี่ยนผ่านที่มี บทบาทสำคัญต่อเสถี ยรภาพของระบบไฟฟ้า ความสามารถในการแข่งขันทางอุ ตสาหกรรม และความมั่นคงด้านพลังงานของภู มิภาค
การลงทุนครั้งนี้ทำให้ PSGC เข้าไปมีบทบาทโดยตรงในห่วงโซ่อุ ปทานพลังงานเชิงยุทธศาสตร์ ตั้งแต่การผลิต การปรับปรุงคุณภาพ การขนส่ง ไปจนถึงการส่งมอบถ่านหินแก่ ภาคอุตสาหกรรมในตลาดสำคัญของภู มิภาค ซึ่งยังคงต้องการพลั งงานจากโรงไฟฟ้าฐานที่เชื่อถื อได้เพื่อรองรับการเติ บโตทางเศรษฐกิจและรักษาความมั่ นคงของระบบไฟฟ้า
นายเดวิด แวน ดาว ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PSGC กล่าวว่า “การลงทุนครั้งนี้เป็นก้าวสำคั ญในการเปลี่ยนผ่านของบริษัท จากรายได้ที่เกิ ดจากงานตามโครงการ มาสู่รายได้ประจำระยะยาว ที่มั่นคง โดยมีปัจจัยพื้นฐานด้านความต้ องการพลังงานของภูมิ ภาคและความจำเป็นของพลังงานที่ มีความเสถียรเป็นแรงสนับสนุน Nam Tien ช่วยเพิ่มขนาดธุรกิจได้ทันที มีระบบโลจิสติกส์ครบวงจร และเปิดโอกาสให้บริษัทเข้าถึ งตลาดที่ยังคงต้องการถ่านหินเพื่ อการผลิตพลังงานไฟฟ้าฐานในระดั บสูงทั้งในทศวรรษหน้าและช่วงต่ อเนื่องหลังจากนั้น”
PSGC มีแผนนำเทคโนโลยีการคัการลงทุนใน Nam Tien ช่วยผลักดันให้ PSGC เปลี่ยนผ่านเป็นธุรกิจที่มี รายได้ประจำ ซึ่งรายได้ที่เชื่อมโยงกับปริ มาณการผลิตและการขนส่ง จะทำให้บริษัทสามารถคาดการณ์ แนวโน้มผลประกอบการได้ชัดเจนยิ่ งขึ้น ต่อยอดจากมูลค่างานก่อสร้างในมื อ และการขยายเข้าสู่ธุรกิจด้านทรั พยากรและสินค้าโภคภัณฑ์ PSGC มีความพร้อมสร้างการเติ บโตของรายได้อย่างต่อเนื่องตั้ งแต่ ปี 2569 เป็นต้นไป พร้อมทั้งเพิ่มความมั่ นคงของผลกำไร ยกระดับความหลากหลายของโครงสร้ างรายได้ และขยายบทบาทในห่วงโซ่อุปทานพลั งงานพื้นฐานของภูมิภาคต่อไป

















