ที่พรรคประชาธิปัตย์ มีการประชุมใหญ่วิสามัญ ซึ่งมีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม ที่ห้องประชุม ชั้น 3 ตึกม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช โดยมีคณะกรรมการบริหารพรรค สมาชิกพรรค เข้าร่วมการประชุม ซึ่งมีวาระพิจารณาให้ความเห็นชอบข้อบังคับพรรคฉบับใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมายพรรคการเมือง มีประเด็น อาทิ การเพิ่มข้อบังคับเรื่องการตั้งหัวหน้าพรรคให้คำนึงถึงการหยั่งเสียงเบื้องต้น และสัดส่วนการโหวตเลือกหัวหน้าพรรคในที่ประชุมใหญ่ โดยปรับจากเดิมเป็น อดีต ส.ส. คิดคะแนนรวมกันร้อยละ 70 และสมาชิกอื่นคิดคะแนนรวม ร้อยละ 30 ขณะที่ข้อบังคับอื่นๆ จะยังคงตามระเบียบเดิมทั้งเรื่องคุณสมบัติของผู้สมัครเป็นหัวหน้าพรรค ส่วนการเปิดรับสมาชิกพรรค จะเปิดรับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
นายอภิสิทธิ์ แถลงภายหลังการประชุมใหญ่วิสามัญพรรคประชาธิปัตย์ว่า พรรคประชาธิปัตย์มีภารกิจเช่นเดียวกับพรรคอื่นๆ ที่ต้องดำเนินการตามกฎหมายพรรคการเมืองใหม่ ซึ่งเป็นการประชุมแก้ไขข้อบังคับพรรค แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถเลือกหัวหน้าพรรคและ คณะกรรมการบริหารพรรคได้ เนื่องจากต้องเปิดโอกาสให้สมาชิกพรรค และประชาชนมีส่วนร่วมในการเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ก่อน หลังจากนั้นจะมีการจัดประชุมอีกครั้งหนึ่ง คาดว่าจะมีขึ้นในต้นเดือน พ.ย. ก็จะสามารถเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคได้
ส่วนระเบียบการหยั่งเสียงเลือกหัวหน้าพรรค จะเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการบริหารทั้ง 41 คน เป็นผู้พิจารณา ซึ่งตนไม่ขอมีส่วนร่วมเพราะมีส่วนได้เสีย แต่ข้อบังคับพรรคและนโยบายที่ผ่านการพิจารณาในวันนี้ มีข้อสรุปคือ คณะกรรมการบริหารจะมี 41 คนเท่าเดิม และจะต้องมีผู้หญิงสัดส่วนไม่ต่ำ 10 คน ขณะที่คณะกรรมการสาขาพรรคจะต้องมีผู้หญิง 3 คน ใน 11 คน และมีผู้มีอายุต่ำกว่า 35 ปี 1 คนและจะมีการนำนโยบายของพรรคกำหนดไว้ในข้อบังคับพรรคด้วย
สำหรับระเบียบว่าด้วยการหยั่งเสียงเลือกหัวหน้าพรรค จำเป็นต้องมีการวางกรอบไม่ให้เกิดความแทรกซ้อนจนเกิดความเสียหายแก่พรรค ที่ประชุมไม่มีใครติดใจเรื่องการได้เปรียบเสียเปรียบ ทั้งนี้ที่ประชุมเห็นชอบว่าสมาชิกพรรค มีสิทธิ์หยั่งเสียงอยู่แล้ว แต่สมาชิกพรรคเดิม 2.5 ล้านที่ถูกสลายความเป็นสมาชิกโดยคำสั่งคสช. ซึ่งพวกเขาไม่ได้ลาออกจากพรรค และไปสมัครสมาชิกพรรคอื่น พวกเขาจึงมีสิทธิ์ที่จะหยั่งเสียงได้ สำหรับการนับคะแนนเป็นเรื่องที่คณะกรรมการจะพิจารณารายละเอียด ไม่ใช่เพื่อการได้เปรียบเสียเปรียบ แต่เพื่อทำให้ได้ระบบดีที่สุดและมีความรัดกุม โดยผู้ที่จะหยั่งเสียงจะต้องลงทะเบียนล่วงหน้าเพื่อใช้สิทธิ โดยคณะกรรมการบริหารพรรคจะมีการยกร่างระเบียบให้เสร็จภายในสัปดาห์หน้า และคาดว่าวันที่ 1 ต.ค. จะสามารถรับสมัครสมาชิกได้ทุกรูปแบบ
ส่วนการทำบทบาทหน้าที่หัวหน้าพรรคของตนนั้น เนื่องจากสัปดาห์หน้าตนจะเดินทางไปร่วมประชุม หัวหน้าพรรคกลุ่มประเทศเสรีนิยมประชาธิปไตยเอเชีย ที่อัฟริกา ซึ่งเป็นการปฏิบัติหน้าที่เป็นหัวหน้าพรรค แต่ เมื่อกลับมาหากมีการเสนอชื่อตน หรือลงสมัครชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรค ตนก็จะยุติการปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าพรรค แต่จะยังไม่ลาออก เพราะหากลาออกจะทำให้ กก.บห. ต้องสิ้นสภาพ
ส่วนการหยั่งเสียงเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่จะเป็นตัวกำหนดจุดยืนและทิศทางของพรรคประชาธิปัตย์ว่าจะเข้าร่วมจับมือเป็นรัฐบาลกับ คสช.หรือไม่นั้น นายอภิสิทธิ์บอกว่า ไม่ว่าบุคคลใดเข้ามาเป็นหัวหน้าพรรค จะต้องบริหารให้เป็นไปตามคำประกาศอุดมการณ์ในข้อบังคับพรรคเท่านั้น